วันอาทิตย์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วัดโกโตคุจิกับแมวกวัก



                ในช่วงนี้เราจะมาแนะนำให้รู้จักกับ วัดโกโตคุจิ ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับแมวกวัก จะเป็นอย่างไรมารับชมกันได้เลย >>>>>>


ประตูทางเข้าหลักของวัดโกโตคุจิ เมื่อเข้าไปด้านใน จะพบกับจุดที่มี เอมะ(Ema) หรือ แผ่นไม้ขอพรอยู่เป็นจำนวนมาก



ลายที่อยู่บนแผ่นไม้ขอพรนั้น แน่นอนว่าต้องเป็นลายของมาเนกิเนะโกะอันสุดแสนจะน่ารัก ด้วยความที่เป็นวัดที่มีความสัมพันธ์กับแมวกวักเป็นอย่างมาก คำขอพรที่เขียนบนแผ่นไม้ จึงเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแมวซะส่วนใหญ่



ที่ด้านหลังของบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวิหารที่อุทิศให้กับมาเนกิเนะโกะ คุณจะพบกับการต้อนรับจากเหล่ามาเนกิเนะโกะได้ที่นี่



เมื่อหันไปยังด้านข้างของวิหารจะพบกับรูปปั้นของมาเนกิเนะโกะน้อยใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนเต็มพื้นที่ไปหมดราวกับโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจ



ไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นเท่านั้น มาเนกิเนะโกะยังแพร่หลายไปทั่วโลกหลากหลายรูปแบบ บ้างก็ถือเหรียญทองโบราณ บ้างก็เป็นสีทองทั้งตัว บ้างก็ยกมือทั้งสองข้าง แต่มากิเนะโกะที่วัดโกโตคุจินั้นเป็นแบบธรรมดา มีตัวสีขาว และกวักมือขวา และใส่ปลอกคอเพียงอย่างเดียว ลักษณะอันเรียบง่ายนี้จะทำให้รู้สึกสบายใจเมื่อได้เห็น



ถ้าสังเกตแมวกวักแต่ละตัวให้ดีๆจะรู้สึกได้ว่ามีหน้าตาแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นแมวที่ดูใสซื่อ แมวที่ดูกล้าหาญ หรือแมวที่ดูง่วงนอน ไม่ว่าตัวไหนก็ล้วนมีอารมณ์แสดงออกมา และภายในวัดยังมีร้านขายของที่ระลึกจำหน่ายมาเนกิเนะโกะ ตั้งแต่ขนาดเล็กเท่านิ้วก้อยไปจนถึงขนาดใหญ่มาก มีให้เลือกซื้อหาอย่างหลากหลาย อยากจะลองเลือกมาเนกิเนะโกะตัวโปรดกลับบ้านสักตัวดูไหม

วัดโกโตคุจิ (Gotokuji)

ที่อยู่ : 2-24-7 Gotokuji, Setagaya-ku, Tokyo

เวลาเข้าชม 6.00-18.00 น. (แผนกต้อนรับ 9.00-16.30 น.)

ค่าเข้าชม ฟรี

การเดินทาง : จากสถานี Tokyo ขึ้นรถไฟ JR สาย Chuo มาลงที่สถานี Shinjuku ใช้เวลา 15 นาที และจากนั้นให้ขึ้นรถไฟสาย Odakyu มาลงที่สถานี Gotokuji ใช้เวลา 15 นาที และเดินต่ออีก 8 นาที

เว็บไซต์ (ภาษาอังกฤษ) : http://japan-magazine.jnto.go.jp/en/1111_manekineko.html



วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ความนิยมและการยกอุ้งเท้า




ความเป็นที่นิยมชมชอบของมาเนกิ เนะโกะ 

ความเป็นที่ชื่นชอบของ มาเนกิ เนะโกะ บางส่วนเป็นเพราะพ่อค้าชาวญี่ปุ่น ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมักถือเรื่องโชคลาง จวบจนกระทั่งทุกวันนี้ นักธุรกิจและพ่อค้าเหล่านี้มักจะมีเครื่องรางแมวนำโชคอยู่ที่ด้านหน้าหรือด้านหลังร้านของพวกเขาเสมอ โดยหวังว่า มาเนกิ เนะโกะ จะดึงดูดลูกค้าเข้าร้านมากมาย ตั้งแต่นั้นแมวตัวนี้ก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการทำหน้าที่นำโชคลาภเพื่อเสริมสร้างกิจการให้รุ่งเรือง เพราะอะไร มาเนกิ เนะโกะ จึงเป็นที่นิยมมากถึงขนาดนี้ เหตุผลอยู่ที่ความน่ารักของมันนั่นเองทั้งชายและหญิง ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้สูงอายุต่างก็ตกหลุมรักใบหน้ากลมๆ ดวงตาโตๆ ของมันตั้งแต่แรกเห็น นี่เองที่อาจจะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม มาเนกิ เนะโกะ จึงปรากฏอยู่ในโฆษณาบริษัทมากมาย




อุ้งเท้าของมาเนกิ เนะโกะ 

มาเนกิ เนะโกะ นั้นมี 2 แบบ แบบหนึ่งคือยกอุ้งเท้าซ้าย อีกแบบหนึ่งยกอุ้งเท้าขวา ตำนานระบุว่าแบบที่ยกอุ้งเท้าซ้ายจะเชื้อเชิญลูกค้าหรือผู้คนให้เข้ามายังร้านของคุณ ในขณะที่แบบที่ยกอุ้งเท้าขวาจะดึงดูดเงินทองเข้ามา ต้นกำเนิดของตำนานนี้ไม่แน่ชัด จากการค้นคว้าโดยสโมสร มาเนกิ เนะโกะ พบว่าประมาณ 60% ของ มาเนกิ เนะโกะ จะยกอุ้งเท้าซ้ายขึ้น มาเนกิ เนะโกะ ส่วนใหญ่ที่ทำขึ้นในช่วงแรกๆ ดูเหมือนจะยกอุ้งเท้าซ้ายขึ้น อุ้งเท้าซ้ายที่ยกขึ้น ซึ่งเชื้อเชิญให้ลูกค้าเข้าร้านนี้ อาจเป็นท่าทางที่เป็นแบบฉบับของ มาเนกิ เนะโกะ ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาด้านเงินทองของญี่ปุ่นในยุคปัจจุบัน เห็นได้จากจำนวนของ มาเนกิ เนะโกะ ที่ยกอุ้งเท้าขวาที่เพิ่มมากขึ้น
ความสูงของอุ้งเท้ายังสื่อความหมายอีกด้วย ระดับของความสูงจะอยู่ตั้งแต่ที่ระดับปากไปจนถึงปลายหู ตามตำนานบอกว่า ยิ่งอุ้งเท้ายกสูงเท่าไหร่ มาเนกิ เนะโกะ ก็จะยิ่งกวักเชิญลูกค้าได้ไกลยิ่งขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็คือสามารถเรียกลูกค้าได้มากยิ่งขึ้นนั่นเอง ช่างเป็นแมวที่น่าหลงใหลอะไรอย่างนี้!

อ้างอิง : http://www.palungdham.com/t730.html

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

สีและความหมายของแมวกวัก



               ในช่วงนี้เราก็มารุ้จักความหมายของแต่ละสีกันเลย >>>>>

ความหมายของสี

1. แบบ 3 สี เป็นที่นิยมมากที่สุด โดยแมวกวักจะมีลำตัวเป็นสีขาว มีลายจุดสีดำ พื้นส้ม ตามแบบฉบับของแมวหางกุดสายพันธุ์โบราณที่หายากในญี่ปุ่น (Japanese Bobtail Cat) โดยเชื่อว่าสีสัน และลวดลายดังกล่าว เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่หาได้ยาก

2. สีขาว หมายถึง ความบริสุทธิ์ ป้องกันไสยศาสตร์ ภัยมืด

3. สีดำ หมายถึง สีแห่งสุขภาพดี คอยปัดเป่าความชั่วร้าย ผู้หญิงญี่ปุ่นมักนิยมสีนี้ เนื่องจากเชื่อว่าจะช่วยขับไล่ผู้ไม่หวังดี และเหล่ามิจฉาชีพ



4. สีแดง หมายถึง ความคุ้มครอง ที่สามารถไล่ภูติผีวิญญาณได้

5. สีทอง หมายถึง การเรียกเงินเรียกทอง มั่งคั่ง ร่ำรวย

6. สีเงิน หมายถึง สุขภาพที่แข็งแรง อายุยืนยาว เหมาะกับผู้สูงอายุ หรือ คนเจ็บป่วย



7. สีเหลือง หมายถึง การช่วยให้คู่รักรักกันได้ยืนยาวตลอดไป ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง

8. สีชมพู เป็นสีที่ไม่ได้มีมาตั้งแต่แรก แต่เพิ่งได้รับความนิยมในปัจจุบัน โดยหมายถึง การให้โชคด้านความรัก เนื้อคู่

9. สีม่วง หมายถึง พลังแห่งศิลปะ

10. สีเขียว หมายถึง ให้พลังความสำเร็จในเรื่องการศึกษา

ตำนานและที่มาของแมวกวัก (2)



ตำนานที่เกี่ยวข้องกับวัด Goutokuji 

เมื่อราวค.ศ. 1620 วัด Goutokuji เขต Setagaya ในบริเวณโตเกียว วัดแห่งนี้กำลังอยู่ในช่วงภาวะวิกฤติการณ์ทางการเงิน วันหนึ่งมีไดเมียว ชื่อ อีอิ นาโอทากะ (ซามูไรชั้นสูงที่เป็นเจ้าครองแคว้นๆหนึ่งจากจังหวัด Hikone) เดินทางผ่านวัดแห่งนี้หลังจากกลับจากการล่านก เขาเห็นแมวในวัดตัวหนึ่งโบกอุ้งเท้าเรียก เขาจึงตัดสินใจแวะเข้าไปพักผ่อนในวัด ทันใดนั้นเองฝนเริ่มโหมกระหน่ำ ประกอบกับเกิดฟ้าผ่าขึ้นอีกหลายครั้ง ทำให้เขารู้สึกประทับใจอย่างมากที่เขาสามารถหลบเลี่ยงไม่ต้องเจอกับพายุได้อย่างทันควัน หลังจากนั้นเขาจึงบริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้แก่วัดๆนี้ และหลังจากที่วัดนี้บูรณปฏิสังขรณ์เสร็จก็กลายเป็นวัดคุ้มครองประจำตระกูลอีอิ ต่อมาจึงมีการปั้นรูปปั้น มาเนกิ เนโกะขนาดใหญ่มาตั้งในวัด รวมถึงมาเนกิ เนโกะขนาดจิ๋วที่เอาไว้ขายเป็นของฝากอีกด้วย


ตำนานแมวเช็ดหน้า

เป็นตำนานที่มาจากความเชื่อของชาวญี่ปุ่น ที่ว่า หากแมวยกแขนขึ้นมาคลอเคลียที่ใบหน้า แปลว่าจะมีแขกมาหา ดังนั้นจึงเกิดการสร้างตุ๊กตาปั้น รูปแมวกวักขึ้น โดยยกแขนข้างหนึ่งเอาไว้ให้เหมือนเป็นการคลอเคลียที่ใบหน้า เพื่อหวังให้มีแขกมาหาตามความเชื่อ ซึ่งแขกในที่นี้หมายถึง ลูกค้าที่จะเข้าร้านมาซื้อของนั่นเอง

และนี่คือบรรยากาศส่วนหนึ่งทั้งบริเวณรอบๆและภายในวัด Goutokuji มารับชมกันได้เลย







วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ตำนานและที่มาของแมวกวัก (1)






                      มาเนกิเนะโกะ หรือในชื่อภาษาไทยที่รู้จักกันทั่วไปก็คือ แมวกวัก แมวนำโชคของประเทศญี่ปุ่นที่เชื่อกันว่าจะดึงดูดโชคดีเข้ามาในชีวิต แน่นอนว่าย่อมต้องมีตำนานที่ไม่ธรรมดาแน่นอน มาติดตามตำนานเจ้าแมวนี้ดูกันเลย >>>>


ตำนานมาเนกิเนะโกะหรือแมวกวัก

เนื่องจากตำนานของเจ้าแมวกวักนี้มีหลากหลาย เราจะยกบางตำนานให้ได้ชมกันดังต่อไปนี้


ตำนานพระชรา

ตำนานแมวกวักหรือมาเนกิเนโกะเกิดขึ้นในสมัยเอโดะประมาณศตวรรษที่ 17 เรื่องราวมีอยู่ว่ามีพระชรายากจนจำวัดอยู่ในวัดเล็กๆเก่าๆ ชื่อ Gotokuji เลี้ยงแมวน้อยชื่อ ทามะ ไว้ตัวหนึ่ง แม้ว่ายากจนข้นแค้นเพียงไรแต่เขามักแบ่งปันอาหารให้ทามะเสมอๆ
จนกระทั่งวันหนึ่งที่อากาศหนาวเหน็บไปจนถึงกระดูก พระชราอยากดื่มชาเพื่อคลายหนาวแต่เขาพบว่ากล่องชาไร้ใบชา เขาจึงทรุดตัวลงร้องไห้คร่ำครวญเสียใจในความยากจนของตนเอง ทามะเข้าไปดูเจ้าของด้วยความกังวลและได้ยินพระชราคร่ำครวญความคับข้องใจและขอให้ทามะทำบางสิ่งเพื่อให้วัดอยู่ได้ เจ้าทามะแมวน้อยเกิดความกังวลและสับสนงุนงง หลังจากที่พระชราสะอื้นร้องไห้จนหลับไปมันจึงไปนั่งเลียขาและเอาอุ้งเท้าล้างหน้า
ขณะนั้นฝนเริ่มตกหนักและเริ่มมีฟ้าผ่าทำให้เศรษฐีผู้หนึ่งที่กำลังเดินผ่านวัดนี้ไปต้องเข้าไปหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ในระหว่างการหลบฝนเขาเหลือบไปเห็นเจ้าทามะมีท่าคล้ายกับว่ามันกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่ เศรษฐีผู้นั้นจึงรีบเดินไปหามัน ขณะที่เขาเดินห่างจากใต้ต้นไม้เพียงไม่กี่วินาทีก็ได้ยินเสียงฟ้าผ่าต้นไม้นั้นจนลุกเป็นไฟ เศรษฐีรู้สึกตกใจและขอบคุณเจ้าทามะที่ช่วยชีวิตเขาไว้ เศรษฐีจึงตามหาเจ้าของแมวและพบเห็นสภาพที่แสนรันทดของพระชรา เขาจึงตอบแทนเจ้าทามะด้วยการให้เงินช่วยเหลือพระชราผู้เป็นเจ้าของและชักชวนให้คนอื่น ๆ ร่วมมาทำบุญกันที่วัดแห่งนี้ จนทำให้วัดเจริญรุ่งเรืองขึ้น
เมื่อทามะสิ้นชีวิตลงจึงได้มีการสร้างรูปปั้นแมวไว้ที่วัดเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ทามะแมวน้อย ตำนานนี้ได้ถูกเล่าขานไปแบบปากต่อปากจึงทำให้คนญี่ปุ่นเชื่อว่าแมวกวักนำมาซึ่งความโชคดีและความมั่งคั่ง พวกเขาจึงนำรูปแมวกวักมาวางไว้ที่หน้าบ้านหรือร้านค้า เพื่อนำความมั่งคั่งมาสู่ชีวิตของพวกเขาเหมือนกับที่ทามะนำความมั่งคั่งมาสู่พระชรา






ตำนานหญิงชรา

เรื่องของคุณยายชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ที่เลี้ยงแมวน้อยเอาไว้เป็นเพื่อน แต่ด้วยฐานะยากจน เธอจึงอดมื้อกินมื้อร่วมกับแมวมาตลอด สุดท้ายคุณยายจำใจต้องเอาแมวตัวนั้นไปปล่อย เพราะไม่สามารถหาอาหารมาเลี้ยงดูมันได้อีกต่อไปแล้ว คุณยายเสียใจมาก และเผลอหลับไป และแล้วคุณยายก็ฝันถึงแมวน้อยตัวนั้น ที่มาบอกคุณยายว่า หากอยากโชคดีให้ลองปั้นตุ๊กตาแมวขึ้นจากดินเหนียวดูสักครั้ง
คุณยายตัดสินใจลองปั้นตุ๊กตาแมวจากดินเหนียวดู โดยยกมือข้างหนึ่งของแมวขึ้นคล้ายกับการกวักเรียกโชคลาภ ต่อมามีคนแปลกหน้าเห็นตุ๊กตาแมวกวักของคุณยาย จึงขอซื้อไป ทำให้คุณยายได้เงินมาประทังชีวิต จากนั้นคุณยายจึงปั้นตุ๊กตาแมวกวักขายอยู่เรื่อย ๆ จนมีเงินพอไปรับแมวตัวเดิมกลับมาอยู่ด้วยอีกครั้ง ทำให้เกิดเสียงร่ำลือว่าตุ๊กตาแมวกวักนี้ เป็นตุ๊กตานำโชค และกลายเป็นตำนานในที่สุด


อ้างอิง : http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9600000008189